หนึ่งในเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2017 ณ สนามคัมป์ นู บาร์เซโลนา ได้สร้างปรากฏการณ์ที่โลกต้องจดจำ นั่นคือ "La Remontada" หรือ "การกลับมา" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก


จุดเริ่มต้นของหายนะ นัดแรกที่ปารีส

ก่อนจะเกิดเรื่องราวในตำนานนี้ บาร์เซโลนาต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่บ้านของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ PSG โชว์ฟอร์มได้อย่างเหนือชั้น โดยเอาชนะบาร์เซโลนาไปอย่างขาดลอยถึง 4-0 ลูกทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้ดูไร้พลังและหมดหนทาง ซึ่งทำให้สื่อและแฟนบอลทั่วโลกต่างฟันธงว่าบาร์เซโลนาตกรอบไปแล้วอย่างแน่นอน


คืนแห่งประวัติศาสตร์ที่คัมป์ นู

ในนัดที่สอง บาร์เซโลนาลงสนามด้วยความหวังอันริบหรี่ แต่ก็มีแฟนบอลจำนวน 96,290 คนเข้ามาให้กำลังใจอย่างหนาแน่น บรรยากาศในสนามเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งแต่เริ่มเกม

  • นาทีที่ 3: ความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 .
  • นาทีที่ 40: บาร์เซโลนายังคงเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง และมาได้ประตูที่สองจากการทำเข้าประตูตัวเองของ แลแว็ง กูร์ซาวา ทำให้สกอร์รวมเป็น 4-2.
  • นาทีที่ 50: เพียง 5 นาทีหลังจากเริ่มครึ่งหลัง ลิโอเนล เมสซี่ สังหารจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำให้สกอร์รวมขยับเป็น 4-3 และสร้างความกดดันให้ PSG อย่างหนัก


ความผิดหวังชั่วขณะและจุดเปลี่ยน

แต่แล้วความหวังของแฟนบอลก็เกือบจะดับลงเมื่อ เอดินซอน คาวานี่ ยิงประตูทีมเยือนให้กับ PSG ได้ในนาทีที่ 62 ทำให้สกอร์รวมเป็น 5-3 และบาร์เซโลนาต้องการอีกถึง 3 ประตูเพื่อผ่านเข้ารอบ ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบลงแค่นี้

อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลนาไม่ยอมแพ้ เนย์มาร์ กลายเป็นฮีโร่ในนาทีสุดท้ายของเกม เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ด้วยการยิงฟรีคิกสุดสวยในนาทีที่ 88 และยิงจุดโทษเข้าไปในนาทีที่ 90+1 ทำให้สกอร์รวมกลับมาเท่ากันที่ 5-5 แต่ยังขาดอีกประตูเพื่อชัยชนะ


บทสรุปที่โลกไม่ลืมเลือน

ในนาทีที่ 90+5 ซึ่งเป็นช่วงวินาทีสุดท้ายของเกม เนย์มาร์ ได้เปิดบอลอย่างแม่นยำเข้ามาในกรอบเขตโทษ และ เซร์กี้ โรแบร์โต้ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็พุ่งตัวเข้ามาจิ้มบอลเข้าไปอย่างสุดปลายเท้า กลายเป็นประตูชัยที่ทำให้บาร์เซโลนาเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 6-1 และผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์รวม 6-5

"La Remontada" ไม่ใช่แค่ชัยชนะธรรมดา แต่เป็นบทพิสูจน์ถึงความไม่ยอมแพ้และพลังของทีมเวิร์กที่เหนือกว่าคำว่า "เป็นไปไม่ได้" มันกลายเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลและแฟนบอลทั่วโลก และถูกจารึกไว้ในฐานะหนึ่งในเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล


Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า