คืนที่สนามกลายเป็นทะเลหิมะ เรื่องจริงของ Snow Clasico 2013 เกมทีมชาติที่เล่นกลางพายุหิมะ
ถ้าพูดถึงเกมทีมชาติที่สภาพสนามสุดโหดจนดูไม่ออกว่ากำลังเตะบอลหรือกำลังฝ่าพายุหิมะ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงเหตุการณ์ในปี 2013 ระหว่างสหรัฐอเมริกาและคอสตาริกา แมตช์ที่ได้รับสมญา Snow Clasico เพราะทั้งสนามขาวโพลนตั้งแต่นาทีแรกจนจบเกมแบบแทบมองไม่เห็นลูกบอล นี่คือหนึ่งในเหตุการณ์จริงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกโซนอเมริกาเหนือ
สนามที่กลายเป็นสีขาวตั้งแต่เริ่มเตะ
เกมนี้แข่งขันที่รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา และตั้งแต่ก่อนเริ่มเขี่ยบอล หิมะก็เทลงมาไม่หยุด จนพื้นสนามถูกปกคลุมไปหมด เส้นเขตโทษและพื้นที่ต่าง ๆ มองแทบไม่ออก ลูกบอลต้องเปลี่ยนเป็นสีส้มเพื่อให้เห็นชัดขึ้น แม้แบบนั้นหลายจังหวะยังต้องเดาทางกันเอาเอง
นักเตะเล่นกันเหมือนเดินบนพื้นลื่น
สภาพหิมะที่ทับหนา ทำให้การเคลื่อนบอลเป็นเรื่องยาก ทุกการส่งเหมือนบอลจะหยุดกลางทาง การวิ่งแต่ละครั้งต้องคอยระวังไม่ให้ล้ม และรองเท้าก็แทบไม่มีประสิทธิภาพเพราะเหล็กปุ่มไม่สามารถเจาะพื้นแข็งที่กลายเป็นน้ำแข็งบางส่วนได้ ทำให้เกมเต็มไปด้วยจังหวะผิดพลาดจนควบคุมอะไรไม่ได้เลย
ประตูเดียวที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขาวโพลน
เกมนี้มีประตูเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และถือเป็นจังหวะที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะมันเกิดขึ้นในช่วงที่หิมะตกหนักจนแทบมองไม่เห็นพื้นที่เขตโทษ นั่นทำให้ค่ำคืนนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในแมตช์ที่ยากที่สุดสำหรับผู้เล่นทีมชาติในยุคใหม่
คอสตาริกายื่นประท้วงหลังเกม
หลังจบเกม ฝั่งคอสตาริกายื่นเรื่องประท้วงทันทีว่าเกมควรถูกเลื่อนเพราะสภาพสนามไม่เหมาะสม แต่สุดท้ายฟีฟ่ายืนยันให้ผลการแข่งขันคงเดิม ความดราม่านี้ยิ่งทำให้ Snow Clasico กลายเป็นเหตุการณ์ที่ถูกจดจำมากขึ้นไปอีก
แมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกยังพูดถึง
ไม่ใช่เพราะสกอร์ ไม่ใช่เพราะแท็กติก แต่เพราะนี่คือฟุตบอลที่ต่อสู้กับธรรมชาติอย่างแท้จริง นักเตะต้องวิ่งท่ามกลางพายุลมหนาว หิมะถล่ม และทัศนวิสัยแทบเป็นศูนย์ จนกลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลกจนถึงวันนี้






แสดงความคิดเห็น